ว่าไงทุกคน! มีใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ Studio Ghibli เหมือนเราบ้างมั้ย? 🙌 เชื่อเลยว่าต้องมีเพียบ! ก็แหม... ลายเส้นสุดละมุนกับเรื่องราวอบอุ่นใจจากค่ายนี้มันดีต่อใจจริงๆ เนอะ ไม่ว่าจะเป็น "Spirited Away" หรือ "My Neighbor Totoro" นี่คือตำนานที่ดูแล้วฟินสุดๆ

แต่ล่าสุดมีเรื่องให้ชาวเน็ตฮือฮากัน เมื่อ OpenAI บริษัท AI ตัวท็อป ดันปล่อยฟีเจอร์เด็ดที่เสกรูปธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสไตล์จิบลิได้ในพริบตา! โอ้โห... คนแห่ไปเล่นกันจนกลายเป็นไวรัลเลยจ้า แต่มันก็จุดประเด็นให้ต้องคิดต่อว่า... เอ๊ะ แบบนี้มันเวิร์คจริงดิ? ศิลปินตัวจริงเขาจะว่าไง? แล้วเรื่องลิขสิทธิ์ล่ะ? อนาคตวงการอาร์ตจะเป็นไงต่อเนี่ย? 🤔


วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาส่องมุมมองของทั้งสองฝั่ง ทั้ง Ghibli เจ้าแห่งแอนิเมชันทำมือ กับ OpenAI เจ้าพ่อ AI ว่าเขาคิดเรื่องนี้กันยังไงแน่ แล้วศึกนี้มันจะจบลงแบบไหน? ไปเจาะลึกพร้อมกันเลย!
ฝั่ง Ghibli เขาว่าไง?
"AI น่ะเหรอ... ไม่ให้เกียรติชีวิตเลย!"
พูดถึง Ghibli ก็ต้องนึกถึง คุณปู่ฮายาโอะ มิยาซากิ ตัวพ่อแห่งวงการแอนิเมชันญี่ปุ่นใช่มั้ยล่ะ ปู่แกชัดเจนมากนะว่า ไม่โอเคมากๆ กับ AI ในงานศิลปะ! เคยมีคนเอาแอนิเมชันที่ AI ทำ (ภาพดูหลอนๆ หน่อย) ไปให้ดู ปู่ถึงกับลั่นว่า "ขยะแขยง" และรู้สึกว่ามัน "ดูถูกชีวิต" สุดๆ เพราะสำหรับปู่ ศิลปะมันต้องมาจากฝีมือ ประสบการณ์ และ "หัวใจ" ของคนทำเท่านั้น!
ส่วน คุณโกโร่ มิยาซากิ ลูกชายปู่และผู้บริหาร Ghibli คนปัจจุบัน ก็มองอีกมุมที่น่าสนใจ เขายอมรับว่า AI มันเก่งแหละ อาจจะสร้างหนังทั้งเรื่องได้เลยในอนาคต แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า คนดูจะอยากดูหนังที่ AI ทำล้วนๆ จริงเหรอ? เพราะเสน่ห์ของ Ghibli มันคือ "ฟีลลิ่งและประสบการณ์" ที่ AI ไม่มีทางก๊อปได้ โดยเฉพาะความรู้สึกลึกๆ อย่างความขมขื่นหรือเรื่องความเป็นความตายในงานของพ่อเขา ที่แม้แต่คนรุ่นใหม่ยังเข้าถึงยากเลย นับประสาอะไรกับ AI!
ถึง Ghibli จะไม่ได้ออกมาพูดเปรี้ยงๆ เรื่องเทรนด์ AI สไตล์ Ghibli แต่ GKids ผู้จัดจำหน่ายหนังในอเมริกา ก็เคยออกแถลงการณ์ตอนฉาย "Princess Mononoke" แบบรีมาสเตอร์ ที่เหมือนจะตอกย้ำเบาๆ ถึงความสุดยอดของ "ผลงานชิ้นเอกที่วาดด้วยมือ" เป็นนัยๆ ว่าของแท้มันต้องแบบนี้!
แล้ว OpenAI ล่ะ?
"ใจเย็นน่า... เราแค่อยากให้ทุกคนครีเอทีฟขึ้น!"
ฝั่ง OpenAI ก็ดูจะอินกับเทคโนโลยีตัวเองไม่น้อย โดยเฉพาะเจ้า GPT-4o ที่ทำให้คนฮิตสร้างภาพสไตล์ Ghibli กันทั่วบ้านทั่วเมืองเนี่ย CEO Sam Altman ก็ดูจะปลื้มนะ ถึงกับโพสต์ใน X (Twitter เดิม) ว่า "เห็นคนชอบฟีเจอร์นี้แล้วสนุกดี แต่ GPU เราจะละลายแล้ว!" (แอบบ่นเบาๆ 😆) แถมเจ้าตัวก็ยังเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสไตล์ Ghibli ด้วยนะเออ
it's super fun seeing people love images in chatgpt.
— Sam Altman (@sama) March 27, 2025
but our GPUs are melting.
we are going to temporarily introduce some rate limits while we work on making it more efficient. hopefully won't be long!
chatgpt free tier will get 3 generations per day soon.
พี่แซมแอบโม้นิดหน่อย
แต่ OpenAI ก็บอกนะว่า เครื่องมือ AI ของเขาน่ะ มีนโยบาย "ระวัง" เรื่องการเลียนแบบสไตล์ศิลปิน ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับ "สไตล์ของสตูดิโอในวงกว้าง" น่ะ เปิดให้ใช้ได้ เพราะอยากให้คนเอาไปสร้างแฟนอาร์ตสนุกๆ กัน และย้ำว่าจริงๆ แล้วอยากจะ "สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่ใช่แทนที่" (อืม... ต้องรอดูกันไป) เขาก็บอกว่ากำลังเรียนรู้จากฟีดแบ็กและจะปรับปรุงนโยบายต่อไปเรื่อยๆ
ทำไมถึงมีดราม่า? เมื่อ "หัวใจ" ปะทะ "อัลกอริทึม"
เรื่องนี้มันมีหลายมุมนะเพื่อนๆ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คิดกันคนละขั้วก็คือ:
- ปรัชญาต่างกันสุดขีด: Ghibli เชื่อในพลังของงานฝีมือและจิตวิญญาณมนุษย์ ส่วน OpenAI เน้นนวัตกรรม เทคโนโลยี และความง่ายในการเข้าถึง
- จุดยืนสุดปังของปู่มิยาซากิ: ความคิดเห็นที่ชัดเจนของปู่มีผลมาก การที่ AI มาเลียนแบบสไตล์ Ghibli ก็เหมือนไปท้าทายหลักการสำคัญของสตูดิโอเลย
- เรื่องลิขสิทธิ์และแบรนด์: ถึง "สไตล์" จะฟ้องยาก แต่ "Ghibli" คือแบรนด์ที่ใครๆ ก็รู้จัก การที่ OpenAI ให้คนสร้างภาพ "สไตล์ Ghibli" อาจทำคนงงได้ว่า Ghibli อนุญาตหรือเปล่า หรืออาจทำให้แบรนด์ดูด้อยค่าลง ซึ่งมีคนมองว่า Ghibli อาจฟ้องได้เลยนะ!
- เสียงบ่นจากฝั่งศิลปิน: ศิลปินหลายคนรู้สึกเหมือนโดนฉกสไตล์ที่ตัวเองทุ่มเทฝึกฝนมานานไปให้ AI ใช้หาเงิน แถมยังแอบหวั่นๆ ว่าจะตกงานเพราะ AI อีก
แล้วอนาคตจะเป็นไงต่อ? ลองเดาทางกัน!
ศึกนี้จะจบแบบไหน? มาลองเดาเล่นๆ กัน:
- ทางใครทางมัน (น่าจะมากสุด): Ghibli อาจจะเงียบๆ ต่อไป ทำงานสไตล์เดิม ส่วน OpenAI ก็ปรับนโยบายไปเรื่อยๆ พยายามเลี่ยงดราม่าทางกฎหมาย
- เปิดวอร์ทางกฎหมาย?: ถ้า Ghibli รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือ OpenAI ล้ำเส้นไป ก็อาจมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลกันได้! (อันนี้น่าจับตา)
- จับมือกันเฉยเลย? (ยากอยู่นะ): อาจจะมีวันที่ Ghibli ยอมใช้ AI เป็น "ผู้ช่วย" ในบางเรื่อง แต่ยังไงก็ต้องเน้นฝีมือคนเป็นหลัก แต่ดูทรงจากปู่มิยาซากิแล้ว... คงอีกนานนนน
- วงการจะไปทางไหนต่อ?: เรื่องนี้มันสะท้อนภาพใหญ่ของวงการเลยนะ ว่า AI จะเป็นเพื่อนหรือศัตรู อนาคตก็ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี กฎหมาย และสำคัญสุดคือ "คนดู" อย่างเราๆ นี่แหละ ว่าจะเลือกสนับสนุนงานแบบไหน
บทสรุป (ถึงเวลาต้องคิด?):
ศึกระหว่าง Ghibli กับ AI ครั้งนี้ มันคือภาพสะท้อนการปะทะกันระหว่างศิลปะแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสุดล้ำจริงๆ นะ มันทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า อะไรคือคุณค่าที่แท้จริงของงานอาร์ต? ความครีเอทีฟของมนุษย์จะยังเจ๋งอยู่มั้ยในยุค AI?
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ โลกเวทมนตร์ที่ Ghibli สร้างขึ้นด้วยมือและหัวใจ มันมีเสน่ห์และความหมายที่เทคโนโลยีไหนๆ ก็ยากจะทำซ้ำได้จริงๆ
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดว่าไงกับเรื่องนี้? ทีม Ghibli หรือทีม AI? หรือว่าอยู่ตรงกลาง? มาแชร์ความเห็นกันหน่อย! คอมเมนต์มาได้เลยนะ 😊